วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สายอากาศ

เมื่อเริ่มศึกษาเกี่ยวกับเรื่องไดๆ เรามักจะเริ่มต้นคำถามโดยสังเขปอย่างกว้างๆเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านั้น สำหรับเรื่องราวเกี่ยวกับสายอากาศ มักจะได้ยินคำถามว่าสายอากาศคืออะไรอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นก่อนอื่นเราจะเริ่มด้วยความหมายของสายอากาศ ความหมายของสายอากาศตามที่นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญให้ความหมายไว้มีดังต่อไปนี้ พจนานุกรมด้านวิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์โดยสำนักพิมพ์แมคกรอ-ฮิลล์ ให้ความหมายของสายอากาศว่า “อุปกรณ์ที่ใช้แผ่หรือรับคลื่นวิทยุ [1]” ศาสตราจารย์คอลลินแห่งมหาวิทยาลัยเคสเวสเทิร์น ให้ความหมายว่า “สายอากาศปกติเป็นโครงสร้างที่สร้างขึ้นจากตัวนำที่ดีสร้างเป็นรูปร่างและขนาดที่แตกต่างกัน เพื่อให้แผ่กำลังแม่เหล็กไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพตามลักษณะสมบัติที่เรากำหนดขึ้น [2]” ความหมายที่น่าสนใจคือความหมายที่กำหนดขึ้นโดยศาสตราจารย์เอลลิอทท์จากมหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนียกล่าวว่า “สายอากาศคือกลุ่มของเวกเตอร์สนามไฟฟ้าและเวกเตอร์สนามแม่เหล็กที่แผ่พลังงานไปยังจุดที่อยู่ไกลโพ้น [3]” นักวิชาการที่มีการอ้างถึงอยู่บ่อยครั้งในวงการได้แก่ศาสตราจารย์เคราส์และศาสตราจารย์บาลานิสจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐอาริโซนา นักวิชาการทั้งสองท่านให้ความหมายไปในแนวทางเดียวกัน ศาสตราจารย์เคราส์กล่าวว่า “สายอากาศคือโครงสร้างที่กำหนดขึ้นเพื่อเชื่อมต่อกันระหว่างคลื่นที่ถูกนำทางและคลื่นในปริภูมิเสรี [4]” ส่วนศาสตราจารย์บาลานิสกล่าวว่า “สายอากาศคือโครงสร้างที่อยู่ระหว่างปริภูมิเสรีและอุปกรณ์ที่นำทางคลื่น [5]” ดังนั้นหากกล่าวถึงสายอากาศเราจะหมายถึง “โครงสร้างลักษณะไดลักษณะหนึ่งปกติเป็นโลหะซึ่งมีตำแหน่งอยู่ระหว่างคลื่นที่ถูกนำทางและคลื่นในปริภูมิเสรี ทำหน้าที่แผ่หรือรับพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า”
[1]S. P. Parker, Ed., Mcgraw-Hill Dictionary of Electrical and Electronics Engineering. New York: Mcgraw-Hill Book Company, 1984. [2]R. E. Collin, Antenna and Radiowave Propagation. New York: McGraw-Hill Book Company, 1985. [3]R. S. Elliott, Antenna Theory and Design, Revised Edition ed., D. G. Dudley, Ed. New Jersy, United States of America: John Wiley & Sons, Inc., Publication, 2003. [4]J. D. Kruas and R. J. Marhefka, Antennas, 3rd ed. New York: McGraw-Hill Companies, 2003. [5]C. A. Balanis, Antenna Theory, 3rd ed. New Jersy: John Wiley & Sons, Inc, 2005.

วิเศษ ศักดิ์ศิริ (ทุ่งดอกทิวลิป keukenhof Tulip Garden: Holland 2008)






วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2552

Antenna

antenna: A device used for radiating or receiving radio waves. Also known as aerial; radio antenna.
McGraw-Hill-Dictionary of ELECTRICAL AND ELECTRONIC ENGINEERING, 1984.

An antenna is a structures, usually from a good conducting material that has been designed to have a shape and size such that it will radiate electromagnetic power in an efficient manner.
R.E. Collin, Antenna and Radiowave Propagation, McGraw-Hill, 1985, p-13.

Electromagnetics field vector E and H in term of all the sources causing these radiating fields, but at points far removed from the sources. The collection of sources is called an antenna and the formulars to be derived form the basis for what is generally refered to as antenna pattern analysis and synthesis.
R. S. Elliott, Antenna Theoory and Design, revised edition, John Wiley & Sons, copyright 2003 IEEE, p-3.

A radio antenna may be defined as structure associated with region of transition between a guided wave and free-space wave, or vice vesa.
J. D. Kraus and R. J. Marhefka, Antennas, 3rd edition, McGraw-Hill, 2003, p-12.

The antenna is the transitional structure between free-space and guiding device.
C. A. Balanis, Antenna theory, John Wiley & Sons, 2005, p-1.

An antenna, as an essential part of a radio system, is defined as a device which can radiate and recieve electromagnetic energy in an efficient and desire manner.
Y. Huang and K. Boyle, Antennas, John Wiley & Sons, 2008, p-4.


วิเศษ ศักดิ์ศิริ (Wiset Saksiri), Luxembourg, 2008.

วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ส่วนน้อย ส่วนหลัก

องค์กรเป็นตำแหน่งสมมติเพื่อรวมคนที่มีเจตนารมย์เดียวกันมาอยู่ด้วยกัน ในแต่ละองค์กรจะมีคนเพียงส่วนน้อยที่จะเป็นหลักในการขับเคลื่อนองค์กร เช่นเดียวกันมูลค่าเพิ่มขององค์กรก็ไม่ได้มาจากคนส่วนใหญ่ ผู้นำต้องพิจารณาอย่างถ่องแท้แล้วดำเนินการรักษาและสร้างมูลค่าเพิ่มให้องค์กร

ช่วยคิดช่วยทำ

วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2552

วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2552

Let's Turn Around "TE"

มนุษย์สามารถฝึกได้ และสามารถฝึกให้เป็นอะไรก็ได้ แต่การฝึกมนุษย์นั้นมีกลไกที่แยบยลกว่านั้นเพราะมนุษย์ไม่ใช่หุ่นยนต์ ไม่มีโปรโตคอลที่ชัดเจน ที่จะทำให้มนุษย์เป็นไปตามต้องการ ผู้เขียนเคยได้ยินคำกล่าวว่าหากมนุษย์ผู้ใดสามารภใช้ประสิทธิภาพเพียง 10 % ก็จะเป็นเลิศแล้ว หากผู้ใดใช้ได้ถึง 25% เรียกว่าอัจฉริยะ วันนี้จะกล่าวถึงหน่วยงานที่ข้าพเจ้าเกี่ยวข้องในฐานะสมาชิก ซึ่งกำลังจะเข้าสู่ยุคกลับตัวให้เท่าทันยุค หลายครั้งได้มีโอกาสเสวนากับผู้ก่อตั้งก็ได้รับความรู้และหลักการสำคัญว่าเครื่องมือที่จะเลือกใช้ก็มีส่วนสำคัญแต่หากจะกลับตัวแล้วต้องเริ่มจากบุคลากรในองค์กร ใจความสำคัญอยู่ที่ในหลักการบริหารไม่มีคำตอบหรือวิธีการที่ตายตัว แปลว่ามีมากกว่าหนึ่งวิธี บางครั้งจำนวนวิธีการอาจจะมีเท่าๆกับจำนวนสมาชิกในองค์กรนั้นเลยก็ได้ หากเป็นอย่างนั้นเป็นไปได้ยากยิ่งที่จะแกปัญหา จำเป็นต้องทำให้เหลือวิธีการและทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดเพียงวิธีเดียว ซึ่่งไม่ใช่การบังคับหรือกำหนดจำเป็นต้องเป็นความเห็นร่วมกัน ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดปัญหาซ้อนขึ้นมาอีกนั่นคือ ใครเสนอความคิดก็รับผิดชอบความคิดเหล่านั้นเอง ไม่ประสบความสำเร็จอีก เมื่อเป็นเช่นนี้เราจำเป็นต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อน

วิเศษ ศักดิ์ศิริ

วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2552

ฝรั่งมอง


วิเศษ ศักดิ์ศิริ

ภาพนี้เป็นภาพตอนไป CBIT ที่ HANOVER ให้ศิลปินเยอรมันวาด

คนใต้



วิเศษ ศักดิ์ศิริ

กลอนฉบับนี้แต่งโดย ลูกแม่ยอง คลองแดน ที่ลงในวารสารศิลปวัฒนธรรม ปีประมาณ 2533 เดือน ประมาณ กค. - สค. จำไม่ได้ชัดเจนนักแต่ จำได้ว่าหน้าปกเป็นรูปไมเคิลแจ็คสัน

วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ยุคสารกึ่งตัวนำ

สารกึ่งตัวนำถือได้ว่าเป็นสิ่งที่มนุษย์ได้ค้นพบและมีบทบาทสำคัญต่อมนุษย์เป็นอย่างมากเพราะสามารถใช้นำมาผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้แทนที่หลอดสุญญากาศได้สำเร็จ สารดังกล่าวถูกค้นพบในปี1925 ที่ห้องวิจัยเทคโนโลยีสื่อสารและอิเล็กทรอนิกส์ของบริษัทเบลล์ ซึ่งในห้องทดลองดังกล่าวประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์ในแขนงต่างๆจากทั่วโลก เพื่อทำงานวิจัยด้าน อิเล็กทรอนิกส์ เคมี ฟิสิกส์ และเทคโนโลยี การสื่อสารและงานวิจัยด้านอื่นๆ คณะผู้วิจัยค้นพบสารกึ่งตัวนำจากการสังเกตุเห็นปรากฎการณ์ที่ประหลาดจากคุณสมบัติของการนำไฟฟ้าสสาร ซึ่งมีคุณสมบัติการนำไฟฟ้าไม่คงที่ อยู่ระหว่างฉนวนและตัวนำ คณะผู้วิจัยจึงได้ทำการศึกษาอย่างจริงจังเพื่อนำมาใช้งาน กระทั่งต่อมาในปีในปี 1930 กลุ่มนักวิจัยของห้องปฏิบัติการเบลล์ ซึ่งได้วิจัยเรื่องการส่งคลื่น ยู-เอช-เอฟ เพื่อการติดต่อสื่อสารทางโทรศัพท์ การติดต่อสื่อสารดังกล่าว ต้องการตัวกำเนิดสัญญาณที่มีความเสถียรถูกต้องแน่นอน ผลคือการใช้หลอดอิเล็กตรอนไม่สามารถตอบสนองต่อคลื่นหรือสัญญาณที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ จึงได้มีการหาวิธีการใหม่ๆในการสร้างสัญญาณมีเสถียรภาพ และได้สร้างการทดลองที่ปฎิวัติกฎเกณฑ์เก่า โดยใช้ตัวตรวจจับมีลักษณะเป็นตัวนำเส้นเล็กๆเรียกกันว่าหนวดแมว ฝังลงบนฐานผลึกคริสตัล วิธีการนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ความพยายาม ในการหาอุปกรณ์สร้างสัญญาณที่มีความถี่สูงและเสถียรเป็นผลสำเร็จ และยังเป็นแนวทางที่นำไปสู่การค้นพบสารกึ่งตัวนำชนิดใหม่นั่นคือสารกึ่งตัวนำชนิดซิลิกอน ในปี 1945 หัวหน้าคณะวิจัยของห้องทดลองเบลล์ ได้กำหนดให้ทีมนักวิทยาศาสตร์ด้านสารกึ่งตัวนำทำการวิจัยเพื่อค้นหาอุปกรณ์เพื่อทำหน้าที่ขยายสัญญาณชนิดใหม่แทนที่หลอดสุญญากาศ ดังนั้นทีมนักวิจัยของห้องปฏิบัติการเบลล์ จึงมุ่งมั่นทำการคันคว้าหาอุปกรณ์ตัวใหม่นี้จนกระทั่งได้สังเกตุเห็นหลอดสูญญากาศของเฟลมมิ่ง(John Ambrose Fleming)[1] ซึ่งมีขั้วไฟฟ้าออกมา 3 ขั้ว เขาจึงได้เลียนแบบขั้วไฟฟ้าหลอดสูญญากาศ โดยนำขั้วไฟฟ้า 3 ขั้ว ฝังลงบนสารกึ่งตัวนำ คือซิลิกอน และพบว่าสามารถที่จะควบคุมการไหลของกระแสที่ไหลผ่านซิลิกอนได้ อีกทั้งยังสามารถที่จะขยายสัญญาณได้เช่นเดียวกับหลอดสุญญากาศและมีข้อดีที่ใช้พลังงานที่น้อยกว่า หลังจากนั้นมาซิลิกอน จึงเป็นสารตั้งต้นของอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำที่มีบทบาทสำคัญสำหรับวงการอิเล็กทรอนิกส์ ต่อมาในปี1947 นักวิทยาศาสตร์ได้นำทรานซิสเตอร์มาใช้ ทรานซิสเตอร์ดังกล่าวเป็นอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำ แทนที่หลอดคาโถดแบบสุญญากาศ บริษัทเท็กซัสอินสตรูเมนท์ และแฟร์ไชลด์เซมิคอนดักเตอร์ เป็นสองรายแรกที่ได้ประสบความสำเร็จในการสร้างแผ่นวงจรรวม ซึ่งประกอบด้วยทรานซิสเตอร์ และตัวต้านทาน ลงบนแผงซิลิกอนเมื่อปี1959 ปัจุบันได้พัฒนาให้สามารถติดลงบนแผงวงจรขนาดใหญ่ ทำให้ค่าใช้จ่ายลดลง และสามารถถอดเปลี่ยนได้ง่ายกรณีมีปัญหาเกิดขึ้น
[1] Fleming, Sir John Ambrose, 1849–1945, English electrical engineer. He was a leader in the development of electric lighting, the telephone, and wireless telegraphy in England and the inventor of a thermionic valve (the first electron tube). Fleming was a professor at the Univ. of London and at University College and was knighted in 1929. Among his many publications are Fifty Years of Electricity (1921) and The Propagation of Electric Currents in Telephone and Telegraph Conductors (1911).

วิเศษ เขียน

การจัดการโทรคมนาคม

ที่ผ่านมาเราได้ทราบเกี่ยวกับคำจำกัดความของการจัดการ หรือการบริหาร ตลอดถึงลักษณะการจัดแบ่งแถบความถี่ออกเป็นย่านต่างๆ และได้ขยายความไปถึงการประยุกต์ใช้งานของมนุษย์ ซึ่งทำให้ทราบว่าคลื่นความถี่เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีลักษณะพิเศษ และมีมูลค่ามหาศาลทางเศรษฐกิจ ความพิเศษของคลื่นความถี่นั้นคือ คลื่นความถี่เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มนุษย์ไม่สามารถสัมผัสได้โดยตรงจากประสาทสัมผัสทั้งห้าของมนุษย์ แต่มนุษย์สามารถรับรู้ถึงปรากฏการณ์ ที่เกิดขึ้นจากคลื่นความถี่และสามารถนำมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากการใช้งานคลื่นความถี่ของมนุษย์นี้เอง พบว่าคลื่นความถี่ที่มนุษย์รู้จักและสามารถประยุกต์ใช้งานได้มีมากกว่า สามแสนล้านคลื่นความถี่ แต่กว่าร้อยละเก้าสิบ ของการประยุกต์ใช้งานคลื่นความถี่ของมนุษย์อยู่ที่ระดับต่ำกว่า สามกิกะเฮิร์ต และหนาแน่นเป็นพิเศษ ในช่วงความถี่ไมโครเวฟ ดังนั้นเพื่อให้การใช้งานคลื่นความถี่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพจึงจำเป็นต้องมีการจัดการเกี่ยวกับการใช้งานคลื่นความถี่ ซึ่งการจัดการคลื่นความถี่เป็นทั้งงานที่มีความเกี่ยวข้องกับนโยบายระดับสากล ที่กำหนดขึ้นโดยหน่วยงานกลางที่มีความชำนัญการเป็นพิเศษ เช่นสหภาพโทรคมนาคมสากล(ITU) องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ(UNESCO) คณะกรรมาธิการการสื่อสารแห่งสหรัฐอเมริกา(FCC) สำหรับหน่วยงานสุดท้ายนี้ดูจะพิเศษกว่าหน่วยงานอื่นเนื่องจากเป็นหน่วยงาน ที่อยู่ภายใต้ข้อบังคับแห่งสหรัฐอเมริกา แต่มีบทบาทในระดับสากล ก็เพราะสหรัฐอเมริกามีสถานะเป็นประเทศมหาอำนาจทางเทคโนโลยี เป็นประเทศที่มีการสร้างสรรนวัตกรรมใหม่จำนวนมาก ดังนั้นการเคลื่อนไหวทางนดยบายของสหรัฐอเมริกา จึงส่งผลกระทบสำคัญต่อกระบวนการต่างๆของประชาคมดลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่นในคราวที่ประธานาธิบดีบิลคลินตันประกาศความถี่สามจี(3G) เป็นประเทศแรกของโลกเป็นผลให้ในที่สุดหน่วยงานสากลต่างๆก็ได้กำหนดให้ใช้ความถี่สามจีเป็นความถี่เดียวกับที่สหรัฐอเมริกาเป็นผู้ประกาศ และการจัดการโทรคมนาคมยังเป็นงานในระดับชาติที่แต่ละประเทศกำหนดให้เกิดสภาพบังคับของการใช้งาน และผู้รับผิดชอบหรือผู้ได้รับสัมปทาน ซึ่งในระดับชาติซึ่งขึ้นอยู่กับผู้กำกับควบคุมในแต่ละประเทศนั้น ส่วนการกำหนดว่าความถี่ไดจะใช้งานจะสอดคล้องกับหน่วยงานระดับสากล

วิเศษ:เขียน

วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2552

การจัดการ

การจัดการเป็นคำที่มีขอบข่ายกว้างขวาง เกี่ยวเนื่องกับทุกกิจการ เราจะมาพิจารณาความหมายของคำว่าการจัดการ ซึ่งตรงกับภาษาอังกฤษว่า Management[1] กัน
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานท่านให้ความหมายของคำ “จัดการ” ว่า “สั่งงาน, ควบคุมงาน, ดำเนินงาน” [i] เมื่อผนวกเข้ากับคำว่าการซึ่งแปลว่างาน การจัดการจึงหมายถึง งานหรือเรื่องที่ต้องควบคุม แต่หากเราจะพิจารณาจากพจนุกรมฉบับบเดียวกันนี้ในคำว่า “ผู้จัดการ” ซึ่งท่านให้ความหมายว่า “บุคคลที่มีหน้าที่บริหารและควบคุมกิจการ” การจัดการจึงน่าที่จะมีความหมายว่างานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารและควบคุมกิจการ
ตามความหมายที่ได้จากพจนานุกรมข้างต้นจะพบว่า ความหมายของคำว่าการจัดการเน้นหนักไปที่การควบคุม ซึ่งการควบคุมนี้จะหมายถึงกระบวนการต่างๆที่จะนำมาซึ่งผลที่พึงได้และพึงประสงค์ตรงตามความต้องการหรือวัตถุประสงค์ของงานและกิจการที่ต้องเข้าไปจัดการ
เราจะพิจารณาความหมายของคำดังกล่าว จากนักคิดนักวิชาการท่านอื่นกันบ้าง ธีรวุฒิ บุณยโสภณ ศาสตราจารย์ประจำคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ อีกทั้งยังดำรงตำแหน่งและเคยดำรงตำแหน่งสำคัญเช่น อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ประธานคณะกรรมการบริษัททีโอทีจำกัดมหาชน และ ประธานคณะกรรมการการอาชีวะศึกษา ได้ให้ความหมายของคำว่า Management ซึ่งธีรวุฒิได้ใช้คำแปลว่าการบริหารหรือการจัดการ และให้ความหมายของการบริหารหรือการจัดการ[ii] ว่า “กระบวนการอย่างหนึ่งภายในองค์การซึ่งมีลำดับการทำงานเป็นขั้นตอน มีกลุ่มบุคคลเป็นกลไกหลักสำคัญในการบริหารงาน มีเงินทุนเครื่องจักรและวัสดุครุภัณฑ์ต่างๆเป็นองค์ประกอบด้วย”
ความหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการซึ่งธีรวุฒิได้กล่าวไว้นั้น ให้ความสำคัญกับกระบวนการที่มีแบบแผนชัดเจน ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับขั้นตอนการปฏิบัติงานที่เป้นแบบแผน ชัดเจนและสามารถตรวจสอบได้
สมพงษ์ เกษมสิน ศาสตราจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ได้ให้ความหมายว่า การจัดการ[iii] หมายถึง “การจัดหรือดำเนินการตามนโยบายที่กำหนดไว้”
ในส่วนของสมพงษ์ที่ได้กล่าวไว้นั้น ให้ความสนใจกับนโยบายซึ่งจะพบว่าเป็นลักษณะพิเศษ ของการบริหารที่มักจะนำไปใช้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเมืองการปกครองเสียมากกว่า เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับภาคประชาชน
คราวนี้ถ้าเราจะพิจารณาแนวความคิดหรือความหมายของการจัดการจากนักคิดทางฟากยุโรปและอเมริกากันบ้าง
พจนานุกรม(Dictionary) ของเว็บส์เตอร์ให้ความหมายของคำ การจัดการ (Management) ว่า กฎหรือศิลปในการบริหาร หรืออีกความหมายหนึ่งคือการควบคุม [iv]
พจนานุกรมของคอลลินโคบิลด์ให้ความหมายของคำว่า การจัดการ (Management) ว่า การควบคุมและการจัดองค์กรทางธุรกิจ [v]
พจนานุกรมทั้งสองเล่มยังคงให้ความสำคัญของการจัดการ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมเป็นหลัก ซึ่งก็คล้ายคลึงและมีความหมายไปในทำนองเดียวกับพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542
ปีเตอร์ ดรักเกอร์ ปรมาจาร์ยทางด้านการบริหารจัดการคนหนึ่งของโลก ได้ให้ความหมายของคำว่าการจัดการดังต่อไปนี้ [vi]
“Management is about human beings. Its task to make people capable of joint performance, to make their strengths effective and their weaknesses irrelevant.”

แปลได้ว่า การจัดการเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่มนุษย์กระทำ เพื่อที่จะทำให้คนสามารถปฏิบัติ ได้อย่างเข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ และไม่เกิดจุดอ่อนที่เกี่ยวข้องกับงานที่กระทำ
ดรักเกอร์ ได้ให้ความหมายที่ลงลึกไปในรายละเอียด ถึงกระบวนการที่จะใช้จูงใจหรือบังคับให้เกิดประสิทธิภาพในตัวมนุษย์ เพื่อที่จะบรรลุผลของงานที่ทำตามที่ตั้งเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ไว้
จากความหมายข้างต้นไม่ว่าจากพจนานุกรม เราอาจจะพอที่จะสรุปได้ว่าทุกการจัดการจะมีการควบคุม การควบคุมจึงเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของการจัดการ ผู้จัดการจะหมายถึงผู้ที่ดำเนินการด้วยกลวิธีต่างๆ เพื่อที่จะให้งานนั้นบรรลุผลตามที่ตั้งวัตถุประสงค์ไว้ เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
[1] ศัพท์บัญญัติราชบัณฑิตยสถานสาขาวิชารัฐศาสตร์ได้ให้ความหมายว่า การจัดการ, การบริหาร, ฝ่ายจัดการ
[i] พจนานุกรมฉบับ ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542
[ii] ธีรวุฒิ บุณยโสภณ และ วรพงษ์ เฉลิมจิระรัตน์., “พื้นฐานบริหารงานอุตสาหกรรม” ศูนย์ผลิตตำราเรียน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ พิมพ์ครั้งที่4, 2540, หน้า12.
[iii] สมพงษ์ เกษมสิน., “การบริหาร.” แก้ไขปรับปรุงครั้งที่6. สำนักพิมพ์ไทยวัฒนาพาณิช. 2521. หน้า 5.
[iv] Webster
[v] Collin
[vi] P. F. Drucker., “The Essential Drucker” Harperbussiness., 2001, p-10

วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2552

วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

วันเสาร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

Thesis ฉบับนี้ทำร้ายประเทศไทย


ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆ อีกแล้ววงการรับจ้างทำวิทยานิพนธ์ ข้าพเจ้าเจอประกาศชิ้นนี้ที่ พันธ์ทิพย์งามวงศ์วาน วันที่บันทึกภาพ 4 พ.ค. 2552

วิเศษ
เขียน

วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

วันศุกร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2552

วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2552

ประโยชน์และคุณค่าของการส่งสัญญาณเชิงดิจิทัล เมื่อ เปรียบเทียบกับการส่งสัญญาณเชิงแอนะล็อก

ประโยชน์และคุณค่าของการส่งสัญญาณเชิงดิจิทัล เมื่อเปรียบเทียบกับการส่งสัญญาณเชิงแอนะล็อกคือ[1]

ก) สัญญาณรบกวนในระบบดิจิทัลจะไม่เพิ่มขึ้น ตามที่เพิ่มขึ้นในลักษณะเช่นเดียวกับระบบแอนะล็อก สัญญาณรบกวนจะถูกกำจัดออกไปเมื่อเข้าสู่สถานีทวนสัญญาณและสร้างสัญญาณขึ้นมาใหม่อย่างสมบูรณ์
ข) รูปแบบดิจิทัลเชิงอุดมคติสามารถถ่ายทอดลงสู่เทคโนโลยีสารกึ่งตัวนำ หรือวงจรรวมได้อย่างสมบูรณ์
ค) เป็นทฤษฎีที่สามารถเข้ากับ ทฤษฎีข้อมูลดิจิทัล ทฤษฏีสัญญาณโทรศัพท์ และทฤษฎีคอมพิวเตอร์

[1] R. Freeman, Telecommunication., John-Wiley & Son, Inc., Hoboken, New Jersey. 2004. P-261

อุโบสถวัดญาณเวศกวัน และ หอสมุดญาณเวศก์ธรรมสมุจย์


วิเศษ ศักดิ์ศิริ



วันอังคารที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

แบบจำลองเพื่อปรับค่าการสูญเสียของโทรศัพท์เคลื่อนที่

แบบจำลองเพื่อปรับค่าการสูญเสีย เป็นการสร้างสูตรทางคณิตศาสตร์ตามข้อมูลที่ได้จากสภาพแวดล้อมจริง ใช้กันมากในระบบสื่อสารทั่วไปและการออกแบบระบบสื่อสารเคลื่อนที่ แบบจำลองดังกล่าวจะประกอบด้วยตัวประกอบหลักๆในระบบสื่อสารเคลื่อนที่ ตัวประกอบเหล่านั้นเช่น กำลังส่ง ความถี่ที่นำกลับมาใช้ใหม่เป็นต้น แบบจำลองเพื่อปรับค่าการสูญเสียสร้างขึ้นมาเพื่อระบบที่ดำเนินการในย่านความถี่ที่เรียกว่า ควอซิ-ไมโครเวฟ เพื่อจะให้ได้คำตอบตามที่กล่าวมา บางครั้งอาจจะต้องใช้วิธีทางสถิติวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากผลการวัดสัญญาณ การวิเคราะห์ตามที่กล่าวจะให้มาซึ่งแบบจำลองที่มีลักษณะต่างกัน แบบจำลองที่แตกต่างกันตามที่กล่าวมานั้น ปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งคือระดับการคลาดเคลื่อนจากการปรับค่าการสูญเสีย ตัวอย่างเช่นระยะห่างระหว่างเซลในแบบจำลองแต่ละรูปแบบ การวางตำแหน่งของเซลขนาดเล็กแบบต่างๆ ความสูงสายอากาศของสถานีฐานและความถี่ที่แต่ละสถานีฐานใช้ หรือในทำนองเดียวกันก็สามารถปรับค่าประมาณการแบบจำลองเป็นกรณีเฉพาะเพื่อใช้สำหรับระบบเซลโทรศัพท์ขนาดจิ๋วที่ใช้ในตึกสูงต่างๆ ซึ่งได้รวมตัวประกอบที่เกี่ยวข้องกับความกว้างของถนน และปัจจัยอื่นๆ ดังนั้นสำหรับการออกแบบระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ จำเป็นต้องเลือกหรือสร้างแบบจำลองขึ้นมาอย่างรัดกุม เพื่อที่จะมั่นใจได้ว่าแบบจำลองดังกล่าวสามารถทำนายประสิทธิภาพของระบบได้อย่างแม่นยำ

วิเศษ ศักดิ์ศิริ เขียน

วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

วงจรเทียบเคียงเชิงเธวินิน


วงจรเทียบเคียงเชิงเธวินินของสายส่งที่ถูกขับด้วยพัลซ์แรงดันและไม่มีภาระต่อปลายสาย

โดย วิเศษ ศักดิ์ศิริ

วันจันทร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

Good Bye ๆ TE37


วันอาทิตย์ ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2552 นักศึกษา ภาควิชาครุศาสตร์ไฟฟ้า เลี้ยงลารุ่นพี่ TE 37 ที่หอประชุมประดู่แดง พระจอมเกล้าพระนครเหนือ งานใหญ่นะเนี่ย มีอาจารย์ จรัส ทรัพยาคม อ.ชูชาติ สีเทา อ.ภาณี น้อยยิ่งร่วมงาน ดีจัง

หมาหลับ !!! zzz ZZZ


หมาหลับ 16 กพ 52 1800 น

วันอาทิตย์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ภาพความสัมพันธ์ระหว่างพิกัดเชิงขั้วและพิกัดสี่เหลี่ยม ชุดที่1







ภาพเหล่านี้สร้างสรรค์โดย วิเศษ ศักดิ์ศิริ เขียนไว้นานพอสมควร เผื่อจะสามารถใช้ประโยชน์ได้บ้าง